ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) สำคัญอย่างไรกับการขอทุนวิจัย❓
ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) สำคัญอย่างไรกับการขอทุนวิจัย❓
ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนางานวิจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่การประยุกต์ใช้จริงได้เป็นเป้าหมายที่นักวิจัยและหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ ในกระบวนการนี้ "ระดับความพร้อมทางเทคโนโลยี" หรือ Technology Readiness Level (TRL) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยประเมินสถานะของเทคโนโลยีและความพร้อมในขั้นตอนต่าง ๆ ของการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการขอทุนสนับสนุนวิจัยจากหน่วยงานให้ทุนต่าง ๆ TRL จึงถือเป็นตัวแปรสำคัญในการพิจารณา
TRL คืออะไร?
TRL คือ กรอบการประเมินความพร้อมของเทคโนโลยีใน 9 ระดับ ตั้งแต่ระดับที่ 1 ซึ่งเป็นการตั้งสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ขั้นต้น จนถึงระดับที่ 9 ซึ่งเทคโนโลยีได้ผ่านการทดสอบและพร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง
ความสำคัญของ TRL ต่อการขอทุนวิจัย
1.ช่วยแสดงสถานะและศักยภาพของโครงการวิจัย การกำหนด TRL ช่วยให้นักวิจัยสามารถสื่อสารถึงสถานะปัจจุบันของเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาได้ชัดเจน ผู้ให้ทุนสามารถเข้าใจได้ว่าเทคโนโลยีอยู่ในขั้นตอนใด และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อไปสู่การประยุกต์ใช้งานจริงหรือไม่
2.สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ให้ทุน TRL เป็นมาตรฐานสากลที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในการประเมินโครงการ ผู้ให้ทุนสามารถใช้ข้อมูล TRL ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสความสำเร็จของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุน
3.กำหนดแนวทางและเป้าหมายการพัฒนา TRL ไม่เพียงแต่แสดงสถานะปัจจุบันของเทคโนโลยี แต่ยังช่วยให้นักวิจัยวางแผนการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของโครงการ การยกระดับ TRL ในแต่ละขั้นตอนจำเป็นต้องมีการกำหนดทรัพยากร กิจกรรม และแผนการดำเนินงานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ให้ทุนต้องการเห็น
4.การจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสม โครงการวิจัยในระดับ TRL ที่แตกต่างกันย่อมต้องการงบประมาณ ทรัพยากร และระยะเวลาที่แตกต่างกันไป ผู้ให้ทุนสามารถใช้ TRL เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทุนวิจัยให้เหมาะสมกับความต้องการของโครงการ เช่น โครงการใน TRL ระดับต้น (1-3) อาจเน้นที่การสนับสนุนการค้นคว้าพื้นฐาน ขณะที่โครงการในระดับสูง (7-9) อาจต้องการงบประมาณสำหรับการพัฒนาต้นแบบหรือการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง
5.สนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัยและอุตสาหกรรม สำหรับโครงการที่อยู่ในระดับ TRL สูง การประเมิน TRL ช่วยให้นักวิจัยสามารถเชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรมหรือผู้ใช้งานปลายทางได้ง่ายขึ้น เพราะผู้ประกอบการสามารถเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีและวางแผนการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมั่นใจ
ตัวอย่างการใช้ TRL ในการขอทุนวิจัย
- หากโครงการวิจัยอยู่ใน TRL 1-3 (ขั้นตอนการวิจัยพื้นฐาน) ผู้ให้ทุนอาจคาดหวังผลลัพธ์ในรูปแบบองค์ความรู้ใหม่ การพิสูจน์แนวคิด หรือการทดลองในห้องปฏิบัติการ
- หากโครงการอยู่ใน TRL 4-6 (ขั้นตอนการพัฒนาต้นแบบ) ผู้ให้ทุนอาจต้องการเห็นต้นแบบหรือการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง
- สำหรับ TRL 7-9 (ขั้นตอนการใช้งานจริง) การขอทุนมักเน้นการขยายผลสู่การผลิตหรือการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง ซึ่งมีความสำคัญต่อการนำผลงานไปใช้ประโยชน์ ตลอดจนการผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
TRL จึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับทั้งนักวิจัยและผู้ให้ทุนในการประเมินและพัฒนาเทคโนโลยี การทำความเข้าใจและใช้งาน TRL อย่างถูกต้อง สามารถช่วยให้โครงการวิจัยมีความชัดเจน สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการได้รับทุนสนับสนุน นอกจากนี้ TRL ยังช่วยให้ผู้ให้ทุนสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยที่มีศักยภาพสูงสู่การประยุกต์ใช้งานจริงได้ในอนาคต
ผู้เขียน
หน่วยบริหารจัดการทุนภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจเอกชน
Enterprise Linkage Center (ELC)
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
ที่มา
1.คู่มือการประเมินระดับความพร้อมของเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) ของ สวทช. v.2.2.
2.คำอธิบายระดับความพร้อมของเทคโนโลยี (TRL) ของคู่มือ NRIIS