มาทำงานวิจัยขึ้นหิ้งให้ขึ้นห้าง : รู้จักเส้นทางสู่ผลกระทบงานวิจัย Research Impact Pathway
การวิเคราะห์เชิงลึกเส้นทางสู่ผลกระทบจากงานวิจัย (Research Impact Pathway)
การสังเคราะห์แนวคิดของ กัมปนาท วิจิตรศรีกมล และกรอบการประเมินระดับสากล
บทนำ: หลักการและแนวคิดพื้นฐานของเส้นทางสู่ผลกระทบจากงานวิจัย
เส้นทางสู่ผลกระทบจากงานวิจัย (Research Impact Pathway หรือ RIP) เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญซึ่งทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับโครงการวิจัยและพัฒนา แนวคิดนี้ได้รับการนิยามว่าเป็น "เส้นทางที่มีโครงสร้างที่ถูกวางแผนไว้" ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงการเดินทางที่ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผลลัพธ์จากงานวิจัยสามารถสร้างผลกระทบที่จับต้องได้และเป็นประโยชน์ต่อโลกแห่งความเป็นจริง แนวทางนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการรับรู้แบบดั้งเดิมที่มองว่าผลกระทบเป็นเพียงผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือเป็น "การตรัสรู้" (enlightenment) จากงานวิจัยเท่านั้น แต่กลับเน้นย้ำถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบที่ผสมผสานการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการสื่อสารเข้าไว้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการ
หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจ RIP คือการแยกความแตกต่างระหว่าง "ผลกระทบ" (Impact) กับ "กิจกรรม" (Activities), "ปัจจัยนำเข้า" (Inputs), และ "ผลผลิต" (Outputs) ในขณะที่กิจกรรมคืองานหรือการกระทำที่ดำเนินการไปเพื่อผลิตผลลัพธ์บางอย่าง ผลกระทบคือ "ผลที่เกิดจากการกระทำขององค์กรที่มีต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ" แนวคิดนี้มุ่งเน้นไปที่
ผลลัพธ์ ที่ได้จากการกระทำเหล่านั้นอย่างชัดเจน มากกว่าตัวการกระทำเอง ผลกระทบสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ อาจเป็นไปตามที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และสามารถเกิดขึ้นได้โดยตรงหรือโดยอ้อมก็ได้ นอกจากนี้ ผลกระทบยังครอบคลุมมิติที่หลากหลาย เช่น เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
การวางแผนเส้นทางสู่ผลกระทบจากงานวิจัยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้นักวิจัยและผู้ให้ทุนเห็นถึงความสำคัญของงานวิจัย ความคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ที่งานวิจัยจะสร้างให้แก่สังคม การมีแผนงานที่ชัดเจนและมีโครงสร้างที่ดีสามารถเพิ่มโอกาสที่งานวิจัยจะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างมีนัยสำคัญและช่วยให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
องค์ประกอบเชิงตรรกะของเส้นทางสู่ผลกระทบ
เพื่อให้สามารถวางแผนและติดตามผลกระทบได้อย่างเป็นระบบ ได้มีการพัฒนาแบบจำลองเชิงตรรกะ (Logic Model) ขึ้นเพื่ออธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (cause-and-effect) ของโครงการวิจัยในลักษณะที่เป็นห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Results Chain) แบบจำลองนี้ได้แบ่งกระบวนการทั้งหมดออกเป็นขั้นตอนที่สามารถจัดการได้ ซึ่งประกอบด้วย ปัจจัยนำเข้า (Inputs), กิจกรรม (Activities), ผลผลิต (Outputs), ผลลัพธ์ (Outcomes), และผลกระทบ (Impacts)
การวิเคราะห์เชิงลึกแสดงให้เห็นว่าแนวคิดของ กัมปนาท วิจิตรศรีกมล ที่อ้างอิงถึงในแหล่งข้อมูลภาษาไทยนั้นมีความสอดคล้องอย่างยิ่งกับกรอบแบบจำลองเชิงตรรกะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากล โดยสามารถเปรียบเทียบองค์ประกอบในแต่ละส่วนได้ดังนี้:
• ปัจจัยนำเข้า (Inputs): ตามแนวคิดของ กัมปนาท วิจิตรศรีกมล ปัจจัยนำเข้าคือทรัพยากรที่ใช้ในการขับเคลื่อนงานวิจัย ซึ่งได้แก่ บุคลากรวิจัยและพัฒนา งบประมาณ ระยะเวลา และองค์ความรู้ที่เป็นพื้นฐานของงานวิจัย ซึ่งสอดคล้องกับคำนิยามสากลที่ระบุว่าปัจจัยนำเข้าคือทรัพยากร เงินทุน โครงสร้างพื้นฐาน และทุนมนุษย์ที่ถูกลงทุนในงานวิจัย
• กิจกรรม (Activities): กิจกรรมคืองานที่ถูกดำเนินการไปเพื่อผลิตผลผลิต เช่น การวิจัยและพัฒนา การจัดเวิร์กชอป การนำเสนอผลงาน และการสร้างเครือข่ายกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กิจกรรมเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดผลผลิตตามมา
• ผลผลิต (Outputs): กัมปนาท วิจิตรศรีกมล นิยามผลผลิตว่าเป็นส่วนที่โครงการวิจัยและพัฒนาจะ "ส่งมอบผลงาน" อย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างที่เขายกมาประกอบด้วย ต้นแบบผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยี/กระบวนการใหม่, นวัตกรรมทางสังคม, กำลังคนที่ได้รับการพัฒนาทักษะ, และต้นฉบับบทความวิจัย (Manuscript) แนวคิดนี้สอดคล้องกับตัวอย่างสากลที่ครอบคลุมไปถึงสิ่งพิมพ์ (publications), ชุดข้อมูล (datasets), ซอฟต์แวร์, สิทธิบัตร และเอกสารเชิงนโยบาย
• ผลลัพธ์ (Outcomes): แนวคิดสากลจะเน้นย้ำถึงการแยก "ผลลัพธ์" ออกจาก "ผลกระทบ" อย่างชัดเจน ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะสั้นถึงกลางกับผู้ใช้ประโยชน์จากผลผลิต การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเกิดขึ้นในรูปของความรู้ที่เพิ่มขึ้น ทัศนคติที่เปลี่ยนไป หรือพฤติกรรมใหม่ๆ ที่นำไปใช้ การทำความเข้าใจความแตกต่างทางคำศัพท์นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยผลลัพธ์เป็นขั้นตอนที่นำไปสู่ผลกระทบในระยะยาวต่อไป
• ผลกระทบ (Impacts): ผลกระทบคือการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวที่เกิดขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม ผลกระทบเหล่านี้อาจเป็นผลที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ได้ กัมปนาท วิจิตรศรีกมล ได้ยกตัวอย่างผลกระทบในโครงการวิจัยเครื่องจักร เช่น การจำหน่ายเครื่องจักรให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย การลดการนำเข้าเครื่องจักร และการสร้างรายได้แก่อุตสาหกรรมเครื่องจักร ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับตัวอย่างผลกระทบที่ครอบคลุมในระดับสากล เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การสร้างงาน และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
แม้ว่าแบบจำลองเชิงตรรกะจะถูกนำเสนอในลักษณะเป็นเส้นตรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางสู่ผลกระทบไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในช่วงต้นและตลอดกระบวนการวิจัยจะทำให้เกิดการทำงานร่วมกันและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การเดินทางของงานวิจัยไม่เป็นเพียงแค่การเรียงลำดับขั้นตอน แต่เป็นกระบวนการที่มีชีวิตชีวา
ที่มา: กัมปนาท วิจิตรศรีกมล. 2564. การประเมินผลกระทบจากงานวิจัยและพัฒนา หลักการเบื้องต้นและแนวปฏิบัติ