ทำความรู้จัก TALENT MOBILITY ในมหาวิทยาลัย
ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นเพียง “แหล่งผลิตบัณฑิต” อีกต่อไป
แต่ยังทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม ที่ต้องเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศ หนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนบทบาทนี้คือ Talent Mobility หรือ “การเคลื่อนย้ายและพัฒนาศักยภาพบุคลากร”
Talent Mobility ในบริบทมหาวิทยาลัย
Talent Mobility คือ การสร้างโอกาสให้บุคลากรและนักศึกษาได้เคลื่อนย้ายเพื่อเรียนรู้และทำงาน
ในสภาพแวดล้อมใหม่ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และต่างประเทศ
- อาจารย์/นักวิจัย ไปทำงานวิจัยหรือโครงการในบริษัท เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเรียนรู้จากภาคปฏิบัติ
- นักศึกษา ไปฝึกงานแบบสหกิจศึกษา (Co-op) หรือทำโครงงานร่วมกับสถานประกอบการ
- บุคลากรสายสนับสนุน เข้าร่วมโครงการฝึกอบรม ดูงาน หรือแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยพันธมิตร
นโยบาย Talent Mobility ของประเทศไทย
กระทรวง อว. และ สกสว. ได้ผลักดัน Talent Mobility เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการวิจัย โดยมีแนวนโยบายหลัก เช่น
- โครงการ Talent Mobility (TM Program)
- ส่งเสริมให้นักวิจัยในมหาวิทยาลัยไปปฏิบัติงานชั่วคราวในภาคเอกชน เพื่อช่วยแก้ปัญหาและยกระดับเทคโนโลยีของอุตสาหกรรม
- มีการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากภาครัฐ เพื่อแบ่งเบาภาระของภาคเอกชน
- นโยบายสหกิจศึกษาและการฝึกงานเชิงบูรณาการ
- ผลักดันให้มหาวิทยาลัยร่วมมือกับสถานประกอบการในการพัฒนาทักษะนักศึกษา
- สร้างกลไกการเรียนรู้ “เรียนไป - ทำงานไป” ที่สอดคล้องกับทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ
- การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem)
- มหาวิทยาลัยเป็น “สะพานเชื่อม” นักวิจัย – นักศึกษา - ภาคเอกชน เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้าง Startup / Spin-off
- Talent Mobility ช่วยให้งานวิจัยออกจากห้อง Lab ไปสู่การใช้งานจริงในภาคเศรษฐกิจ
ประโยชน์ของ Talent Mobility ต่อมหาวิทยาลัยไทยต่อมหาวิทยาลัย
- เพิ่มโอกาสการวิจัยเชิงพาณิชย์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
- ขยายเครือข่ายความร่วมมือกับอุตสาหกรรม
- พัฒนาความสามารถเชิงแข่งขันของสถาบัน
ต่อบุคลากร
- ได้เรียนรู้ทักษะใหม่และเข้าใจความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
- มีโอกาสทำงานวิจัยที่ตอบโจทย์จริง
- สร้างเส้นทางอาชีพที่หลากหลาย
ต่อนักศึกษา
- มีทักษะตรงกับที่ตลาดแรงงานต้องการ
- มีประสบการณ์จริงที่เพิ่มความพร้อมในการทำงาน
- มีโอกาสสร้างเครือข่ายกับภาคธุรกิจ
ความท้าทายในการขับเคลื่อน Talent Mobility
- กฎระเบียบของมหาวิทยาลัยและระบบราชการที่ยังไม่ยืดหยุ่น
- การประเมินผลงานวิชาการที่ยังไม่รองรับการทำงานนอกมหาวิทยาลัย
- งบประมาณและทรัพยากรบุคคลที่จำกัด
- การสร้างความเข้าใจและยอมรับจากทั้งมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน
Talent Mobility เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้มหาวิทยาลัยไทย ก้าวข้ามจาก “ผู้ผลิตบัณฑิต” ไปสู่ “ผู้สร้างนวัตกรรมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกับสังคม” หากมีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านนโยบาย งบประมาณ และการปรับระบบบริหาร จะทำให้มหาวิทยาลัยไทยสามารถสร้างบุคลากรที่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศ และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลได้อย่างแท้จริง
ผู้เขียน นางสาวพรรษชล พานิจจะ
งาน Enterprise Linkage Center
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
ข้อมูลอ้างอิง
- กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI)
- NXPO / สอวช.